EV ไทยแรงไม่หยุด ปัจจัยเร่งและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
EV ไทยแรงไม่หยุด ปัจจัยเร่งและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

EV ไทยแรงไม่หยุด ปัจจัยเร่งและแนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ตั้งแต่ปรากฎการณ์บนโซเชียลมีเดียที่ไม่เคยมีมาก่อนที่มีคนจำนวนมากไปรอต่อคิวหน้าโชว์รูมตั้งแต่หัวค่ำเพื่อจองรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อปลายปี 2022 จนถึงปัจจุบันนี้ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนพบแต่รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งกันเต็มท้องถนน ทั้งยังเป็นปีที่มีการนำเข้ารถยนต์ใหม่ๆมาให้คนไทยรู้จักเยอะแยะมากมาย ตอกย้ำด้วยจำนวนยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในงาน Motor Expo 2023 ครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 12 วัน มีรายงานว่า BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน สามารถคว้ายอดจองรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 6,119 คัน คว้าอันดับ 1 ของแบรนด์ยี่ห้อรถไฟฟ้า EV 100% และคิดเป็นอันดับ 3 ของงาน รองเพียงจากแบรนด์ญี่ปุ่นรุ่นพี่อย่าง Totota และHonda ที่ครองตลาดรถยนต์เมืองไทยมาเป็นระยะเวลานาน เห็นได้ว่าปรากฎการณ์เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกําลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดแบบหยุดไม่อยู่ และต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมานั้นเป็นปีแห่ง “รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle – EV)” จริงๆ

ปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยขยายนโยบายล่าสุดที่ออกมาต่อจากนโยบาย EV 3.0 ปีที่แล้วคือ นโยบาย EV 3.5 ต่อเงินสนับสนุนส่วนลดให้แก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดถึงคันละ 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 4 ปี มีผลเริ่มใช้ 2 ม.ค. 2567 เพื่อให้การเติบโตของตลาดรถ EV เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อม

เทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าเป็นยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) การมาของรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวได้ตรงจุดทีเดียว

การเพิ่มจำนวนของสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการ

จำนวนสถานีชาร์จรถ เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นปัจจัยที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 8,702 หัวจ่าย และมีสถานีชาร์จมากกว่า 2,222 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 / ที่มา สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT))

แนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 4 ปีข้างหน้า

Statista ฐานข้อมูลรวบรวมข้อมูลทางสถิติที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเยอรมันเปิดเผยข้อมูลสถิติและคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยคาดว่าจะแตะ 1,103 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2024 และเติบโตต่อเนื่องโดยมี อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ตั้งแต่ปี 2024-2028 สูงถึงร้อยละ 5.06% โดยคาดว่าตลาดรถนต์ไฟฟ้าจะเติบโตพุ่งทะยานถึง 1,344 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2028 นั่นหมายความว่าในปี 2028 นั้น เราอาจจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งในเมืองไทยถึง 1 ล้านคัน คว้าแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียนกันเลยทีเดียว

การทำการตลาดออนไลน์กับตลาดรถไฟฟ้า

จะเห็นได้ว่าทาง BYD มีการโปรโมททางช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Social Network สื่อต่างๆ และเว็บไซต์ จนมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งเว็บไซต์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เว็บไซต์มีความสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก หากต้องการทำเว็บไซต์ได้อย่างสวยงาม เราขอแนะนำการ ทำเว็บไซต์ด้วย WordPress  ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงในการทำการตลาดผ่านทางออนไลน์ที่ดีอีกช่องทางนึงได้เช่นกัน

ดิดต่อทำเว็บไซต์ WordPress