ปลั๊กอิน WordPress ขายของ สำหรับเว็บ E-Commerce [อัปเดต 2024]

WordPress เป็นแพลตฟอร์ม Content Management System (CMS) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยสามารถนำมาสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายประเภท รวมถึงเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือ E-Commerce อีกด้วย

การสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์บน WordPress สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงติดตั้งปลั๊กอินที่รองรับการขายของออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันมีปลั๊กอินสำหรับ E-Commerce ให้เลือกใช้งานมากมาย แต่ละปลั๊กอินก็มีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันไป

ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยม สำหรับทำเว็บขายของ E-Commerce

จากผลการสำรวจพบว่าปลั๊กอินขายของลน WordPress ยอดนิยม มีอยู่ด้วยกัน 5 Plugin โดยมี 5 อันดับแรก มีดังนี้

1. WooCommerce – ปลั๊กอินทำเว็บไซต์ E-Commerce ยอดนิยม (ฟรี)

WooCommerce เป็นปลั๊กอินอีคอมเมิร์ซแบบโอเพนซอร์สสำหรับ WordPress มันถูกออกแบบมาสำหรับผู้ค้าออนไลน์ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ที่ใช้ WordPress เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2554 ปลั๊กอินนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากความเรียบง่ายในการติดตั้งและปรับแต่ง และสำหรับตำแหน่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์พื้นฐานที่เป็นฟรีแวร์ WooCommerce เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบน WordPress เพราะมีฟีเจอร์ครบครัน ใช้งานง่าย และปรับแต่งได้หลากหลาย

WooCommerce เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีฟังก์ชันการทำงานครบครันและปรับแต่งได้ นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

WooCommerce มีคุณสมบัติครบครันเหมาะกับร้านค้าออนไลน์ทุกประเภท:

• การจัดการผลิตภัณฑ์
• ตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย
• การจัดส่งสินค้า
• ภาษี
• การวิเคราะห์และรายงาน
• การตลาด

WooCommerce ยังรองรับธีมและปลั๊กอินของ WordPress มากมาย ซึ่งช่วยให้คุณปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ตามต้องการ

ข้อดีของ WooCommerce

• ใช้งานง่าย WooCommerce ใช้งานง่ายและสามารถติดตั้งได้ภายในไม่กี่นาที
• ฟรีแวร์ WooCommerce นำเสนอผลิตภัณฑ์พื้นฐานฟรี ซึ่งช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
• ฟีเจอร์ครบครัน WooCommerce นำเสนอฟีเจอร์และความสามารถที่หลากหลายสำหรับร้านค้าออนไลน์
• ปรับแต่งได้ คุณสามารถใช้ธีมและปลั๊กอินของ WordPress เพื่อปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ตามต้องการ
• ชุมชนขนาดใหญ่ WooCommerce มีชุมชนขนาดใหญ่ที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากผู้ใช้รายอื่น

ข้อเสียของ WooCommerce

• ความยุ่งยาก การตั้งค่า WooCommerce ครั้งแรกอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์
• ความปลอดภัย WooCommerce อาจเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ได้ คุณควรใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันร้านค้าออนไลน์ของคุณ

อ่านเพิ่มเติม

2. BigCommerce – สำหรับ WordPress (ฟรี + เสียเงิน)

BigCommerce for WordPress เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อเว็บไซต์ WordPress ของคุณกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ BigCommerce ได้อย่างง่ายดาย ปลั๊กอินนี้ช่วยให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น ด้วย BigCommerce for WordPress

คุณสมบัติและความสามารถของ BigCommerce มีดังนี้:

• การจัดการผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
• ตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย
• การวิเคราะห์และรายงานที่ครอบคลุม
• การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

อ่านเพิ่มเติม

3. Easy Digital Downloads (EDD) –  ปลั๊กอินขายดิจิตอลไฟล์ (เสียเงิน)

Easy Digital Downloads (EDD) คือปลั๊กอิน (plugin) สำหรับระบบจัดการเว็บไซต์บนแพลตฟอร์ม WordPress ที่ออกแบบมาเพื่อให้ความสะดวกในการขายสินค้าดิจิทัล หรือสินค้าที่สามารถดาวน์โหลดได้ ได้แก่ e-books, เพลง, ภาพถ่าย, ซอฟต์แวร์, หรือไฟล์อื่นๆ สามารถให้ผู้ซื้อสามารถดาวน์โหลดได้อัตโนมัติได้ทันทีหลังจากการชำระเงิน

EDD มีความยืดหยุ่นสูงและตั้งค่าได้ง่าย, ทำให้นักพัฒนาเว็บ หรือผู้ดูแลระบบสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ปลั๊กอินนี้มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการตรวจสอบการชำระเงิน, การจัดการสินค้าและการดาวน์โหลด, รายงานการขาย, และการบริหารจัดการลูกค้า.

นอกจากนี้ EDD ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับปลั๊กอินชำระเงินออนไลน์ต่างๆ เช่น PayPal, Stripe, และอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำการชำระเงินได้สะดวกและปลอดภัย

ข้อดีของ Easy Digital Downloads (EDD)

• มีความยืดหยุ่น UX/UI ใช้งานง่ายและทันสมัย
• ระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย รองรับ PayPal, Stripe
• ระบบการจัดการสินค้า หรือ License และ ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด
• รายงานผลและระบบการวิเคราะห์
• เหมาะสำหรับนักพัฒนาเว็บ สามารถเขียน Code Hook ต่อยอดเพิ่มเติมได้

อ่านเพิ่มเติม

4. Ecwid – Ecommerce Shopping Cart (ฟรี + เสียเงิน)

Ecwid คือ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ SaaS (Software as a Service) ที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด Ecwid สามารถใช้กับเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์มใดก็ได้ รวมถึง WordPress, Shopify, Wix และอื่นๆ

ข้อดีของ Ecwid

• ใช้งานง่าย Ecwid ใช้งานง่ายและสามารถติดตั้งได้ภายในไม่กี่นาที
• ฟีเจอร์ครบครัน Ecwid นำเสนอฟีเจอร์และความสามารถที่หลากหลายสำหรับร้านค้าออนไลน์
• ปรับแต่งได้ คุณสามารถใช้ธีมและปลั๊กอินของ WordPress เพื่อปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ตามต้องการ
• ราคาไม่แพง Ecwid มีราคาเริ่มต้นที่ $15 ต่อเดือน

ของเสียของ Ecwid

• ค่าธรรมเนียม Ecwid มีค่าธรรมเนียมรายเดือนสำหรับการใช้แพลตฟอร์ม
• ความยุ่งยาก การติดตั้งและการกำหนดค่า Ecwid อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์

อ่านเพิ่มเติม

5. WP EasyCart – ปลั๊กอิน Shopping Cart & eCommerce Store (ฟรี + เสียเงิน)

WP EasyCart คือปลั๊กอินอีคอมเมิร์ซแบบโอเพนซอร์สสำหรับ WordPress ช่วยให้คุณสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่มีประสบการณ์ด้านโค้ด เหมือนกับ  Squarespace หรือ Wix

คุณสมบัติของ WP EasyCart

• การจัดการผลิตภัณฑ์
• ตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย
• ระบบการจัดส่งสินค้า
• ระบบการจัดการภาษี
• การวิเคราะห์และรายงาน
• การตลาด

อ่านเพิ่มเติม

สรุป

ปลั๊กอิน WordPress ขายของเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกปลั๊กอินที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของคุณ

หากคุณกำลังมองหาปลั๊กอิน WordPress ขายของ แนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลจากปลั๊กอินยอดนิยมทั้ง 5 อันดับที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อเลือกปลั๊กอินที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมากที่สุด

สามารถติดต่อทำเว็บไซต์ได้ที่ บริษัท ยัวร์ แพลน จำกัด
โทร: 082-981-9392 (Call Center)
อีเมล: [email protected]
เว็บไซต์: https://www.your-plans.com